ค่าใช้จ่ายในการใช้รถ PHEV สิ่งที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ

รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเนื่องจากความสามารถในการประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจสงสัยว่า ค่าใช้จ่ายในการใช้ PHEV เป็นอย่างไร? และคุ้มค่ากว่ารถยนต์ทั่วไปหรือไม่ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการใช้รถยนต์ PHEV ตั้งแต่ค่าซื้อรถ ค่าเชื้อเพลิง ค่าบำรุงรักษา ไปจนถึงต้นทุนแอบแฝงอื่นๆ

หัวข้อ

ค่าใช้จ่ายในการใช้รถ PHEV

ราคาซื้อรถยนต์ PHEV
- ราคาของรถยนต์ PHEV โดยทั่วไปมักสูงกว่ารถยนต์สันดาปภายใน (ICE) ประมาณ 20-30% ขึ้นอยู่กับแบรนด์และรุ่น
- ตัวอย่างราคารถยนต์ PHEV ในตลาด
  - Toyota Prius Prime : เริ่มต้นที่ประมาณ 1,200,000 บาท
  - Mitsubishi Outlander PHEV : เริ่มต้นที่ประมาณ 1,600,000 บาท
  - BMW 330e : เริ่มต้นที่ประมาณ 2,500,000 บาท
ค่าเชื้อเพลิงและค่าไฟฟ้า
- การใช้งานโหมดไฟฟ้าช่วยลดต้นทุนค่าน้ำมันเชื้อเพลิงได้มาก โดยเฉลี่ยแล้วรถ PHEV ใช้ไฟฟ้าเต็มประจุสามารถวิ่งได้ประมาณ 30-80 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
- ค่าไฟฟ้าสำหรับการชาร์จที่บ้านโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2-5 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) โดยค่าใช้จ่ายต่อเดือนอาจอยู่ที่ 500-1,500 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทางที่ขับขี่
- เมื่อใช้เชื้อเพลิง อัตราการสิ้นเปลืองอยู่ที่ประมาณ 20-50 กิโลเมตรต่อลิตร ขึ้นอยู่กับรุ่นของรถยนต์
ค่าบำรุงรักษาและซ่อมแซม
- รถยนต์ PHEV มีชิ้นส่วนน้อยกว่ารถยนต์เครื่องยนต์สันดาปทั่วไป เช่น ไม่มีชิ้นส่วนที่ซับซ้อนของระบบส่งกำลัง ทำให้ค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า
- การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องยังคงมีความจำเป็น แต่อาจต้องทำบ่อยน้อยกว่ารถยนต์ทั่วไป
- ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาโดยเฉลี่ยต่อปีอาจอยู่ที่ 10,000 – 30,000 บาท
ค่าใช้จ่ายในการชาร์จไฟฟ้า
- การติดตั้งที่ชาร์จไฟที่บ้าน (Wallbox) อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอยู่ที่ประมาณ 20,000 – 50,000 บาท ขึ้นอยู่กับกำลังไฟและประเภทของเครื่องชาร์จ
- หากเลือกใช้สถานีชาร์จสาธารณะ ค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่าการชาร์จที่บ้านโดยเฉลี่ย 8-15 บาทต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง
ค่าประกันภัย
- ค่าเบี้ยประกันภัยของรถยนต์ PHEV อาจสูงกว่ารถยนต์ปกติประมาณ 10-20% เนื่องจากเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและค่าอะไหล่ที่สูงขึ้น
- ค่าเบี้ยประกันภัยโดยเฉลี่ยเริ่มต้นที่ 20,000 – 50,000 บาทต่อปี ขึ้นอยู่กับรุ่นและบริษัทประกัน

ค่าใช้จ่ายแอบแฝงที่ควรรู้

ค่าเสื่อมราคา
- รถยนต์ PHEV อาจมีค่าเสื่อมราคาที่เร็วขึ้นเมื่อเทียบกับรถยนต์ปกติ เนื่องจากเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่
- อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ PHEV อยู่ที่ประมาณ 8-10 ปี หากต้องเปลี่ยนใหม่ ค่าใช้จ่ายอาจอยู่ที่ 100,000 – 300,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของแบตเตอรี่
ค่าภาษีและสิทธิประโยชน์
- ในบางประเทศหรือบางภูมิภาค รถยนต์ PHEV อาจได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีหรือเงินสนับสนุนจากรัฐบาล ทำให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมลดลง

วิธีลดค่าใช้จ่ายในการใช้ PHEV

เลือกใช้โหมดไฟฟ้าให้มากที่สุด – การขับขี่ในโหมดไฟฟ้าจะช่วยประหยัดค่าน้ำมันและลดการสึกหรอของเครื่องยนต์
ติดตั้งระบบชาร์จที่บ้าน – ช่วยลดค่าใช้จ่ายเมื่อเทียบกับการใช้สถานีชาร์จสาธารณะ
บำรุงรักษาตามกำหนด – การตรวจเช็คระบบไฟฟ้าและแบตเตอรี่เป็นประจำจะช่วยยืดอายุการใช้งานและลดความเสียหายในระยะยาว
เลือกประกันที่เหมาะสม – การเลือกแผนประกันภัยที่ครอบคลุมทั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องยนต์จะช่วยลดความเสี่ยงค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

สรุป

ค่าใช้จ่ายในการใช้ PHEV อาจดูสูงในช่วงแรกจากราคาซื้อที่แพงกว่ารถยนต์ปกติ อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว การประหยัดเชื้อเพลิง การลดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา และประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมทำให้รถยนต์ PHEV เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การวางแผนค่าใช้จ่ายอย่างรอบคอบจะช่วยให้คุณสามารถใช้รถยนต์ PHEV ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดมากที่สุด