DMO คืออะไร? ทุกสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ในรถยนต์

เทคโนโลยีขับเคลื่อนของรถยนต์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มรถออฟโรดที่ต้องการทั้งพลังและความประหยัดพลังงาน BYD ผู้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ระดับโลก ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม DMO (Dual Mode Off-Road) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มไฮบริดที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการขับขี่แบบออฟโร้ดโดยเฉพาะ
แพลตฟอร์ม DMO ของ BYD ช่วยให้รถยนต์สามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในโหมดไฟฟ้า (EV) และเครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) เพื่อเพิ่มสมรรถนะและความยืดหยุ่นสำหรับการขับขี่ในทุกสภาพถนน ไม่ว่าจะเป็นทางลาดยางหรือทางทุรกันดาร ด้วยระบบที่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้ตามความต้องการ
หัวข้อ
DMO คืออะไร?
DMO หรือ Dual Mode Off-Road เป็นระบบการขับขี่ที่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ระหว่าง “โหมดปกติ” และ “โหมดออฟโร้ด” เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพถนนที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้รถยนต์สามารถขับขี่ได้ทั้งในทางลาดยางและในสภาพถนนที่ขรุขระหรือทุรกันดาร ระบบนี้มักพบในรถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อการขับขี่ทั้งในเมืองและการผจญภัยในพื้นที่ออฟโร้ด
การปรับโหมดนี้จะทำให้การขับขี่มีความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดในทุกสภาพแวดล้อม โดยในโหมดออฟโร้ด รถยนต์จะสามารถปรับพลังงานและการส่งแรงบิดไปยังล้อที่มีการยึดเกาะพื้นถนนได้ดีที่สุด ซึ่งช่วยให้รถสามารถขับขี่ได้ในพื้นที่ที่มีความท้าทายเช่นทางดิน, ทางหิน, หรือพื้นที่ที่มีการลาดชัน
ความสำคัญของ DMO ในการขับขี่ออฟโร้ด
การขับขี่ในสภาพถนนที่ทุรกันดารต้องการความสามารถพิเศษในการควบคุมรถและการส่งแรงบิดให้เหมาะสมกับสภาพถนนที่ไม่คุ้นเคย การใช้ DMO ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ที่เหมาะสมได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องปรับตั้งค่าอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยตนเอง
ในโหมดออฟโร้ด (Off-Road Mode) ระบบจะปรับการทำงานของระบบขับเคลื่อนให้รถสามารถยึดเกาะถนนได้ดีขึ้น เช่น การปรับการกระจายแรงบิดไปยังล้อที่มีการยึดเกาะดีกว่าเมื่อมีอุปสรรคหรือความลาดชัน หรือการลดการหมุนฟรีของล้อในพื้นผิวที่ลื่นหรือมีโคลน
ระบบที่เกี่ยวข้องใน DMO
ระบบที่ใช้ใน DMO เพื่อช่วยให้การขับขี่ทั้งในโหมดปกติและออฟโร้ดทำงานได้ดีประกอบด้วยเทคโนโลยีหลายตัว เช่น
- ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (4WD/ AWD) : การส่งกำลังไปยังล้อทุกล้อช่วยให้สามารถควบคุมทิศทางและยึดเกาะได้ดีในพื้นที่ที่มีสภาพถนนไม่ดี
- ระบบควบคุมแรงบิด (Torque Vectoring) : ช่วยกระจายแรงบิดไปยังล้อที่มีการยึดเกาะมากที่สุดในช่วงที่พื้นถนนไม่สมดุล
- ระบบกันสะเทือน (Suspension Systems) : สามารถปรับแต่งการทำงานให้เหมาะสมกับการขับขี่ทั้งในทางเรียบและทางออฟโร้ด ช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายขึ้น
- ระบบป้องกันการหมุนฟรีของล้อ (Traction Control) : ช่วยป้องกันไม่ให้ล้อหมุนฟรีบนพื้นถนนลื่นหรือมีโคลน
ข้อดีของแพลตฟอร์ม DMO เทียบกับแพลตฟอร์มทั่วไป
คุณสมบัติ | แพลตฟอร์ม DMO | แพลตฟอร์มทั่วไป |
---|---|---|
เทคโนโลยีไฮบริด | รองรับ EV + ICE | ส่วนใหญ่เป็นเครื่องยนต์สันดาป |
ระบบ Terrain Mode | มีโหมดทราย โคลน หิมะ | ไม่มี หรือรองรับบางโหมด |
ระบบล็อคเฟืองท้าย | ล็อค 3 จุด | ส่วนใหญ่ไม่มี หรือมีแค่ 1 จุด |
ความแข็งแกร่งของโครงสร้าง | 96% High Strength Steel | โครงสร้างปกติ |
การปกป้องแบตเตอรี่ | CTC เทคโนโลยีป้องกันแบตเตอรี่ | ไม่มีการป้องกันพิเศษ |
ข้อดีของการใช้ DMO
- เพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ – การใช้ DMO ช่วยให้รถยนต์สามารถขับขี่ได้ทั้งในทางลาดยางและออฟโร้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่จำเป็นต้องปรับการตั้งค่าด้วยตนเอง
- ความปลอดภัย – ระบบนี้ช่วยให้รถสามารถควบคุมการขับขี่ในสภาพถนนที่ท้าทายได้ดียิ่งขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการควบคุมรถไม่อยู่
- เพิ่มความสะดวก – ผู้ขับขี่ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการปรับตั้งค่าหรือเปลี่ยนโหมดเอง เพียงแค่เลือกโหมดที่ต้องการและระบบจะทำการปรับการทำงานของรถให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ
- รองรับการใช้งานหลายประเภท – ไม่ว่าจะขับขี่ในเมืองหรือการผจญภัยในพื้นที่ออฟโร้ด ระบบ DMO สามารถปรับให้เหมาะสมกับการใช้งานที่หลากหลาย ทำให้รถยนต์มีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูง
ข้อเสียของการใช้ DMO
- ค่าใช้จ่ายสูง – เทคโนโลยี DMO อาจทำให้ราคาของรถยนต์สูงขึ้น เนื่องจากต้องใช้ระบบขับเคลื่อนที่ซับซ้อนและอุปกรณ์ที่ต้องการความแม่นยำในการทำงาน
- การบำรุงรักษา – เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและหลายระบบทำงานร่วมกัน การบำรุงรักษารถยนต์ที่มี DMO อาจจะต้องใช้ความชำนาญพิเศษและค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
- ความซับซ้อนในการใช้งาน – สำหรับผู้ขับขี่บางคนที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี การใช้งาน DMO อาจดูซับซ้อนและต้องใช้เวลาในการเรียนรู้
รถยนต์รุ่นที่ใช้แพลตฟอร์ม DMO
ปัจจุบัน BYD ได้เปิดตัวรถยนต์ที่ใช้แพลตฟอร์ม DMO หลายรุ่น เช่น
- BYD Formula Bao 5 – SUV ออฟโรดสุดแกร่ง
- Leopard 5 – รถออฟโรดสายลุย รองรับการขับขี่ทุกสภาพถนน
- BYD Shark 6 – รถกระบะปลั๊กอินไฮบริด ที่ออกแบบมาเพื่อการบรรทุกและลุยทางวิบาก
DMO ในอนาคต
ในอนาคต เทคโนโลยี DMO จะมีการพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีการปรับปรุงในด้านประสิทธิภาพการขับขี่และลดต้นทุนในการผลิต นอกจากนี้ การใช้เทคโนโลยีนี้ในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ก็จะได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากการขับขี่ในสภาพออฟโร้ดด้วยพลังงานไฟฟ้าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายและการผจญภัยที่ยั่งยืน
สรุป
DMO (Dual Mode Off-Road) เป็นระบบที่ช่วยให้รถยนต์สามารถปรับโหมดการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพถนนต่างๆ ทั้งในพื้นที่ลาดยางและพื้นที่ออฟโร้ด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่และความปลอดภัยในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย ระบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองหรือการผจญภัยในธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม, การใช้ DMO ก็มีข้อเสียบางประการ เช่น ราคาที่สูงและการบำรุงรักษาที่ต้องการความเชี่ยวชาญพิเศษ
การพัฒนาเทคโนโลยีนี้ยังคงเป็นสิ่งที่น่าจับตามองในอนาคต โดยเฉพาะในเรื่องของการนำเทคโนโลยีไปใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าและการขยายขีดความสามารถในการขับขี่ในสภาพถนนที่หลากหลาย
ติดต่อเรา | จองซื้อ & ทดลองขับ
อยากเป็นเจ้าของหรือสนใจทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้า BYD ติดต่อ BYD BD Auto Group ได้ทุกสาขาพร้อมทีมงานให้คำปรึกษาแบบครบวงจร
- ที่อยู่: 607 ถ.เพชรเกษม ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา (สาขาหาดใหญ่)
- Facebook: BYD BD Auto Group ตัวแทนจำหน่ายบีวายดีรายใหญ่สุดในภาคใต้
- LINE: @bydbdsongkhla
- เบอร์โทร: 074 805 656 (สาขาหาดใหญ่)
- สาขาของ BYD BD Auto Group
- เว็บไซต์: www.bydbdautogroup.com
- แผนที่: BYD BD Auto Songkhla (สาขาหาดใหญ่)