เครื่องยนต์คืออะไร? หัวใจสำคัญของยานยนต์

/
/
เครื่องยนต์คืออะไร? หัวใจสำคัญของยานยนต์
BYD BD Auto Group

เครื่องยนต์ (Engine) เป็นส่วนสำคัญที่สุดของยานยนต์ที่ทำหน้าที่แปลงพลังงานจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงให้เป็นพลังงานกลเพื่อขับเคลื่อนรถ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานและการบำรุงรักษาเครื่องยนต์จะช่วยให้ยานยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนาน

ประเภทของเครื่องยนต์

เครื่องยนต์ในยานยนต์มีหลายประเภทตามการออกแบบและการใช้งาน ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น

  1. เครื่องยนต์เบนซิน (Petrol Engine) : ใช้เชื้อเพลิงเบนซินในการเผาไหม้ มีการจุดระเบิดโดยใช้หัวเทียน
  2. เครื่องยนต์ดีเซล (Diesel Engine) : ใช้เชื้อเพลิงดีเซลในการเผาไหม้ มีการจุดระเบิดโดยการบีบอัดอากาศจนเกิดความร้อนสูงพอที่จะจุดเชื้อเพลิงเอง
  3. เครื่องยนต์ไฮบริด (Hybrid Engine) : ผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซลกับมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้เชื้อเพลิง
  4. เครื่องยนต์ไฟฟ้า (Electric Engine) : ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน โดยใช้พลังงานจากแบตเตอรี่

ส่วนประกอบของเครื่องยนต์

เครื่องยนต์ประกอบด้วยหลายส่วนสำคัญที่ทำงานร่วมกันเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่

  1. ลูกสูบ (Piston) : ทำหน้าที่เคลื่อนที่ขึ้นลงในกระบอกสูบเพื่อแปลงพลังงานจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงให้เป็นพลังงานกล
  2. กระบอกสูบ (Cylinder) : ที่พักของลูกสูบและที่เกิดการเผาไหม้เชื้อเพลิง
  3. เพลาข้อเหวี่ยง (Crankshaft) : แปลงการเคลื่อนที่เชิงเส้นของลูกสูบให้เป็นการหมุน
  4. ก้านสูบ (Connecting Rod) : เชื่อมต่อระหว่างลูกสูบกับเพลาข้อเหวี่ยง
  5. หัวเทียน (Spark Plug) : จุดระเบิดเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์เบนซิน
  6. วาล์ว (Valve): ควบคุมการเข้าออกของอากาศและเชื้อเพลิงในกระบอกสูบ
  7. ระบบระบายความร้อน (Cooling System) : รักษาอุณหภูมิของเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
  8. ระบบน้ำมันหล่อลื่น (Lubrication System) : ลดการสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่เคลื่อนไหว
เครื่องยนต์หัวใจสำคัญของยานยนต์

การทำงานของเครื่องยนต์สันดาปภายใน

การทำงานของเครื่องยนต์สันดาปภายในสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 จังหวะหลัก ได้แก่

  1. จังหวะดูด (Intake Stroke) : ลูกสูบเคลื่อนลงเพื่อดูดส่วนผสมของอากาศและเชื้อเพลิงเข้าสู่กระบอกสูบผ่านวาล์วไอดี
  2. จังหวะอัด (Compression Stroke) : ลูกสูบเคลื่อนขึ้นเพื่ออัดส่วนผสมของอากาศและเชื้อเพลิงให้มีความดันสูง
  3. จังหวะเผาไหม้ (Power Stroke) : หัวเทียนจุดระเบิดส่วนผสมของอากาศและเชื้อเพลิง ทำให้เกิดการเผาไหม้และดันลูกสูบลงเพื่อสร้างพลังงาน
  4. จังหวะคาย (Exhaust Stroke) : ลูกสูบเคลื่อนขึ้นเพื่อดันไอเสียออกจากกระบอกสูบผ่านวาล์วไอเสีย

การบำรุงรักษาเครื่องยนต์

การบำรุงรักษาเครื่องยนต์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนาน ดังนี้

  1. การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง : ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลาที่กำหนดในคู่มือรถ เพื่อรักษาความหล่อลื่นและลดการสึกหรอของชิ้นส่วนเครื่องยนต์
  2. การตรวจสอบและเปลี่ยนไส้กรองอากาศ : ควรตรวจสอบและเปลี่ยนไส้กรองอากาศเมื่อมีการสะสมของฝุ่นและสิ่งสกปรก
  3. การตรวจสอบระบบระบายความร้อน : ควรตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็นและเปลี่ยนน้ำหล่อเย็นตามระยะเวลาที่กำหนด
  4. การตรวจสอบระบบไฟฟ้าและหัวเทียน : ควรตรวจสอบและเปลี่ยนหัวเทียนตามระยะเวลาที่กำหนด
  5. การตรวจสอบระบบน้ำมันหล่อลื่น : ควรตรวจสอบระดับน้ำมันหล่อลื่นและเติมเมื่อระดับต่ำ
เครื่องยนต์หัวใจสำคัญของยานยนต์

ความสำคัญของเครื่องยนต์

เครื่องยนต์มีความสำคัญอย่างมากในยานยนต์ เนื่องจากเป็นแหล่งกำลังหลักในการขับเคลื่อนรถ การมีเครื่องยนต์ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ ลดการสึกหรอของชิ้นส่วนและประหยัดพลังงาน

อนาคตของเครื่องยนต์

ในอนาคต เทคโนโลยีเครื่องยนต์จะยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นที่การเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานและลดการปล่อยมลพิษ นอกจากนี้ยังมีการวิจัยและพัฒนาเครื่องยนต์ที่ใช้พลังงานทดแทน เช่น เครื่องยนต์ไฮโดรเจนและเครื่องยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้างยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เครื่องยนต์หัวใจสำคัญของยานยนต์

เครื่องยนต์ 4 จังหวะ (Four-Stroke Engine)

เครื่องยนต์ 4 จังหวะทำงานโดยใช้การเคลื่อนที่ของลูกสูบภายในกระบอกสูบผ่าน 4 ขั้นตอน (จังหวะ) ต่อการทำงานของเครื่องยนต์หนึ่งรอบ คือ

  1. จังหวะดูด (Intake Stroke) : ลูกสูบเคลื่อนที่ลง ทำให้วาล์วไอดีเปิดและดูดส่วนผสมของอากาศและเชื้อเพลิงเข้าสู่กระบอกสูบ
  2. จังหวะอัด (Compression Stroke) : ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นเพื่ออัดส่วนผสมของอากาศและเชื้อเพลิงให้มีความดันสูงเตรียมพร้อมสำหรับการเผาไหม้
  3. จังหวะจุดระเบิด (Power Stroke) : เมื่อลูกสูบถึงตำแหน่งสูงสุด จะมีการจุดระเบิดส่วนผสมของอากาศและเชื้อเพลิง ทำให้เกิดการขยายตัวและผลักลูกสูบลง ซึ่งเป็นการสร้างพลังงานขับเคลื่อน
  4. จังหวะคาย (Exhaust Stroke) : ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นอีกครั้งเพื่อดันก๊าซไอเสียออกจากกระบอกสูบผ่านวาล์วไอเสีย

ข้อดีของเครื่องยนต์ 4 จังหวะ

  • ประสิทธิภาพในการเผาไหม้สูงกว่าเครื่องยนต์ 2 จังหวะ
  • มีการสึกหรอน้อยกว่า เนื่องจากมีการทำงานที่ช้ากว่า

ข้อเสียของเครื่องยนต์ 4 จังหวะ

  • การออกแบบซับซ้อนกว่า ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
  • ขนาดใหญ่และน้ำหนักมากกว่าเครื่องยนต์ 2 จังหวะ

การใช้งานเครื่องยนต์ 4 จังหวะ

เครื่องยนต์ 4 จังหวะ มักใช้ในยานพาหนะขนาดใหญ่ เช่น รถยนต์ รถบรรทุก และมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงและทนทาน

เครื่องยนต์ 2 จังหวะ (Two-Stroke Engine)

เครื่องยนต์ 2 จังหวะทำงานโดยใช้การเคลื่อนที่ของลูกสูบภายในกระบอกสูบเพียง 2 ขั้นตอน (จังหวะ) ต่อการทำงานของเครื่องยนต์หนึ่งรอบ คือ

  1. จังหวะดูดและอัด (Compression Stroke) : ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นในขณะที่วาล์วเปิดเพื่อดูดส่วนผสมของอากาศและเชื้อเพลิงเข้าไปในกระบอกสูบ ส่วนผสมจะถูกอัดในขณะที่ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้น.
  2. จังหวะจุดระเบิดและคาย (Power Stroke) : เมื่อลูกสูบถึงตำแหน่งสูงสุด จะเกิดการจุดระเบิดส่วนผสมของอากาศและเชื้อเพลิง ทำให้ลูกสูบเคลื่อนที่ลงในขณะที่วาล์วไอเสียเปิดและปล่อยก๊าซไอเสียออกจากกระบอกสูบ.

ข้อดีของเครื่องยนต์ 2 จังหวะ

  • โครงสร้างเรียบง่ายและเบากว่า ทำให้ราคาถูกกว่าและมีขนาดเล็กกว่า.
  • การทำงานรวดเร็วกว่า เนื่องจากมีเพียง 2 จังหวะ.

ข้อเสียของเครื่องยนต์ 2 จังหวะ

  • ประสิทธิภาพในการเผาไหม้น้อยกว่าและมีการปล่อยไอเสียมากกว่า.
  • การสึกหรอสูงกว่า เนื่องจากทำงานรวดเร็วและมีการหล่อลื่นน้อยกว่า.

การใช้งานเครื่องยนต์ 2 จังหวะ

เครื่องยนต์ 2 จังหวะ มักใช้ในเครื่องจักรขนาดเล็ก เช่น เครื่องตัดหญ้า เครื่องยนต์เรือ และมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็ก เนื่องจากมีน้ำหนักเบาและราคาถูกกว่า

รถยนต์ไฟฟ้า BYD BD Auto Group โปรโมชั่น

สรุป

เครื่องยนต์เป็นหัวใจสำคัญของยานยนต์ ทำหน้าที่แปลงพลังงานจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงให้เป็นพลังงานกลเพื่อขับเคลื่อนรถ การทำความเข้าใจและบำรุงรักษาเครื่องยนต์จะช่วยให้ยานยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนาน

ติดต่อเรา | จองซื้อ & ทดลองขับ

อยากเป็นเจ้าของหรือสนใจทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้า BYD ติดต่อ BYD BD Auto Group ได้ทุกสาขาพร้อมทีมงานให้คำปรึกษาแบบครบวงจร

BYD BD Auto Group

ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD

หมวดหมู่

ป้ายกำกับ

บทความที่เกี่ยวข้อง

econ2 (Web H)

ระบบระบายความร้อนคืออะไร? การทำงาน และความสำคัญในเ...

ระบบระบายความร้อน (Cooling System) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่สำคัญในหลายๆ อุตสาหกรร...
byd seal 5 cover

BYD Seal 5 DM-i Super Hybrid (ซุปเปอร์ไฮบริด) รถยน...

BYD Seal 5 DM-i Super Hybrid (ซุปเปอร์ไฮบริด) คือรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นใหม่ล่า...
Tire rotation cover

การสลับยางคืออะไร? วิธีที่ถูกต้องและประโยชน์ที่คุณ...

การดูแลยางรถยนต์เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากยางเป็นส่วนที่สัมผัสกับพื...
Tire Tread cover

หน้ายางคืออะไร? ความสำคัญและวิธีการเลือกใช้ยางที่เ...

หน้ายาง (Tire Tread) เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่สุดของยางรถยนต์ที่มีบทบาทสำคัญในการค...
Continental eContact cover

ยาง Continental รุ่น eContact ยางรถยนต์ไฟฟ้าพลังงา...

Continental ยางสัญชาติเยอรมันได้ออกแบบยางรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะในรุ่น eContact ซึ่ง...
dolm12 (Web H)

ไปเที่ยวย่านเมืองเก่าภูเก็ตกับรถยนต์ไฟฟ้า BYD เสน่...

ย่านเมืองเก่าภูเก็ต (Phuket Old Town) คือจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายประว...
dolm12 (Web H)

ไปเที่ยวหาดป่าตองภูเก็ตกับรถยนต์ไฟฟ้า BYD สีสันของ...

หาดป่าตอง (Patong Beach) เป็นหนึ่งในชายหาดที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดภูเก็ต แ...
dolm12 (Web H)

ไปเที่ยวแหลมพรหมเทพกับรถยนต์ไฟฟ้า BYD พบกับจุดชมวิ...

แหลมพรหมเทพ (Promthep Cape) ถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหว...