ที่ปัดน้ำฝนคืออะไร? อุปกรณ์สำคัญเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่

ที่ปัดน้ำฝนคืออะไร? อุปกรณ์สำคัญเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่
BYD BD Auto Group

ที่ปัดน้ำฝนถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ที่สำคัญของรถยนต์ ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นถนนได้ชัดเจน แม้ในสภาพอากาศที่มีฝนตกหนักหรือฝุ่นละอองมาก บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับที่ปัดน้ำฝนคืออะไร? วิธีการทำงาน และความสำคัญของอุปกรณ์ชิ้นนี้ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน

ที่ปัดน้ำฝนคืออะไร?

ที่ปัดน้ำฝน (Windshield Wiper) คืออุปกรณ์ที่ติดตั้งบนกระจกหน้ารถยนต์ มีหน้าที่ปัดน้ำฝน น้ำค้าง หรือฝุ่นละอองที่เกาะอยู่บนกระจก เพื่อให้กระจกหน้ารถใสสะอาดและมองเห็นถนนได้ชัดเจนในทุกสภาพอากาศ

ประวัติและการพัฒนาของที่ปัดน้ำฝน

ที่ปัดน้ำฝนมีการคิดค้นและพัฒนามาตั้งแต่ช่วงต้นศตวรรษที่ 20 โดย Mary Anderson นักประดิษฐ์ชาวอเมริกันได้จดสิทธิบัตรที่ปัดน้ำฝนในปี ค.ศ.1903 ที่ปัดน้ำฝนในยุคนั้นเป็นระบบมือหมุน ซึ่งผู้ขับขี่ต้องหมุนก้านปัดด้วยตนเอง

ต่อมาได้มีการพัฒนาที่ปัดน้ำฝนให้มีระบบไฟฟ้า ทำให้การใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น และมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดกระจกหน้ารถมากขึ้น ในปัจจุบันที่ปัดน้ำฝนมีหลายรูปแบบและมีการออกแบบที่ทันสมัย เพื่อตอบสนองต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย

ส่วนประกอบของที่ปัดน้ำฝน

  • แขนปัดน้ำฝน (Wiper Arm) ส่วนที่ยึดใบปัดน้ำฝนกับระบบมอเตอร์
  • ใบปัดน้ำฝน (Wiper Blade) แผ่นยางที่สัมผัสกับกระจก ปัดน้ำและสิ่งสกปรกออก
  • มอเตอร์ปัดน้ำฝน (Wiper Motor) ตัวขับเคลื่อนแขนปัดน้ำฝนให้เคลื่อนที่ตามคำสั่ง
  • ระบบควบคุม (Control System) ปุ่มหรือคันโยกในรถที่ให้ผู้ขับเลือกความเร็วและโหมดการทำงาน

วิธีการทำงานของที่ปัดน้ำฝน

มอเตอร์ปัดน้ำฝนจะทำงานเมื่อผู้ขับกดสวิตช์หรือเปิดคันโยก แขนปัดน้ำฝนจะเคลื่อนที่ไปมาในแนวโค้งตามรูปแบบของกระจกหน้ารถ โดยใบปัดน้ำฝนจะปัดน้ำหรือฝุ่นออกจากกระจกเพื่อให้มองเห็นถนนชัดเจน

ประเภทของใบปัดน้ำฝน

ประเภทใบปัดน้ำฝนลักษณะเด่นเหมาะสำหรับ
ใบปัดน้ำฝนแบบยางธรรมดาราคาถูก เปลี่ยนง่ายรถยนต์ทั่วไป
ใบปัดน้ำฝนแบบซิลิโคนปัดน้ำได้เรียบเนียนกว่า ทนทานกว่ารถที่ใช้ในพื้นที่มีฝนตกบ่อย
ใบปัดน้ำฝนแบบโครงแข็ง (Beam Blade)ดีไซน์สปอร์ต ไม่มีโครงเหล็กกวนรถสปอร์ตหรือรถยนต์รุ่นใหม่

ความสำคัญของที่ปัดน้ำฝนกับความปลอดภัย

  • เพิ่มทัศนวิสัยที่ดี ในสภาพฝนตกหนัก หมอกควัน หรือฝุ่นละออง
  • ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากผู้ขับเห็นถนนชัดเจน
  • ช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยขึ้น ในช่วงกลางคืนหรือในสภาพอากาศเลวร้าย

วิธีดูแลรักษาที่ปัดน้ำฝน

  • ตรวจสอบและเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนทุก 6-12 เดือน หรือเมื่อเริ่มมีเสียงกระพือหรือปัดไม่สะอาด
  • หลีกเลี่ยงการใช้ใบปัดน้ำฝนปัดกระจกที่แห้งสนิท เพื่อป้องกันการขูดขีด
  • ทำความสะอาดใบปัดน้ำฝนและกระจกหน้าอย่างสม่ำเสมอ
  • ใช้น้ำยาล้างกระจกคุณภาพดีช่วยลดคราบและเพิ่มประสิทธิภาพการปัด

สัญญาณเตือนว่าใบปัดน้ำฝนต้องเปลี่ยน

  • ปัดแล้วยังมีคราบน้ำหรือรอยน้ำเหลืออยู่
  • มีเสียงดังหรือกระพือขณะปัด
  • ใบยางฉีกขาดหรือแข็งตัว
  • การปัดน้ำฝนไม่เรียบเนียนและทำให้ทัศนวิสัยลดลง

สรุป

ที่ปัดน้ำฝนคืออุปกรณ์พื้นฐานที่สำคัญสำหรับความปลอดภัยในการขับขี่ ช่วยให้คุณมองเห็นถนนได้ชัดเจนในทุกสภาพอากาศ การดูแลรักษาและเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนอย่างเหมาะสมจะช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อให้ทุกการเดินทางของคุณปลอดภัยยิ่งขึ้น

ติดต่อเรา

BYD BD Auto Group

ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า BYD

หมวดหมู่

บทความที่เกี่ยวข้อง

รถยนต์ไฟฟ้า BYD ATTO 3 (MY2024)
การเลือกเบาะรถยนต์ที่รองรับสรีระเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มักถูกละเลย แต่มีความสำคัญอย่างมากต่อสุขภาพและความปลอดภัยของผู้...
cover asia pacific
ปี 2025 ถือเป็นอีกหนึ่งปีทองของ BD Auto Group กับความสำเร็จที่ก้าวกระโดดในฐานะดีลเลอร์รถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย โดยเ...
cover งานแถลงนโยบายประจำปี 2568
บีดี ออโต้ และ บีดี อัลติเมท ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ BYD และ Denza รายใหญ่ที่สุดในภาคใต้ ได้จัดงานแถลงนโยบายของบริษัทและงานเ...
รถยนต์ไฟฟ้า BYD Dolphin
การเลือกน้ำหอมติดรถยนต์ที่มีกลิ่นหอมสดชื่นเป็นหนึ่งในวิธีที่ง่ายที่สุดในการสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายขณะขับขี่ ไม่ว่าจะเป็...
รถยนต์ไฟฟ้า BYD Dolphin
เมื่อพูดถึงชื่อแบรนด์ “Huawei” หลายคนคุ้นเคยในฐานะผู้นำด้าน เทคโนโลยี สมาร์ตโฟน และโครงข่าย 5G ระดับโลก แต่ในช่วงไม่กี่ป...
BYD x Deepssek
ในยุคที่เทคโนโลยียานยนต์พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว BYD แบรนด์รถยนต์พลังงานใหม่ยักษ์ใหญ่จากจีน ได้สร้างความฮือฮาอีกครั้งด้วยการจ...
SEALION 7 Interior 01 (Web H)
การเปิดประตูรถโดยไม่ตรวจสอบสภาพการจราจรสามารถนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการจราจรคับคั่ง เช่น ถนนใ...
SEALION 7 Interior 01 (Web H)
หนึ่งในปัญหาสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนคือ “จุดอับสายตา” (Blind Spot) หรือบริเวณที่ผู้ขับขี่ไม่สามา...
กำลังเพิ่มข้อมูล